ปัจจุบันผู้ที่มีผลการสอบคัดเลือกไม่อยู่ในระดับที่ถูกคัดเลือกให้เข้าศึกษาในคณะที่ต้องการ จึงถูกคัดให้มาเรียนวิชาชีพครู เนื่องจากได้เลือกวิชาชีพนี้ในระดับรอง แต่หากถามความรู้สึกจริงๆ น้อยคนนักที่อยากเป็นครู เพียงแต่ต้องการให้ได้ชื่อว่าเป็น นิสิตหรือนักศึกษาของสถาบันที่มีชื่อเสียงเท่านั้น แต่เขาเหล่านั้นอาจคิดผิดที่เลือกเรียน เนื่องจากมิใช่ตัวตนของผู้นั้นจริงๆ และที่สำคัญหากสอบบรรจุไม่ได้ หรือไม่ได้ประกอบอาชีพครู จะไปประกอบอาชีพอะไร หลายคนต้องขายของ หลายคนขายประกัน หลายคนอยู่บ้านเฉยๆ และอีกมากมายที่ต้องไปทำงานที่ไม่ตรงกับวิชาชีพที่เรียน ทำให้สูญเสียค่าใช้จ่ายของตนและงบประมาณของรัฐ ที่สำคัญประเทศก็ไม่ได้คนที่เก่งจริงๆมาเป็นครู
หลักสูตรการสอนในคณะศึกษาศาสตร์หรือครุศาสตร์ เน้นเนื้อหาวิชาการถ่ายทอดความรู้ รวมทั้งวิชาเอก วิชาโท เช่น วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์ เป็นต้น ดังนั้นนิสิตนักศึกษาจึงต้องเรียนวิชาดังกล่าวผสมผสานกันไป หากจะหวังความลีกซึ้งในวิชาเอกและวิชาโท คงหวังมากไม่ได้ เนื่องจากต้องใช้เวลาส่วนมากในวิชาการสอนทั้งหลาย วันใดที่มาเป็นครูที่มิใช่ผู้ชอบศึกษาหรือค้นคว้าหาความรู้ด้วยแล้ว ก็คงต้องสอนตามหลักสูตรกันไป ประกอบกับการใช้วิชาเอกและวิชาโทที่เรียนมาเพียงบางส่วนสอนนักเรียน ผลก็คือไม่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์หรือลงลึกในเนื้อหาหรือแก่นของวิชา เพื่อให้นักเรียนมีโลกทัศน์ที่กว้างไกล หรือมีความคิดสร้างสรรค์ได้
ดังนั้นผู้ที่สำเร็จวิชาชีพครูที่มาจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ควรมีการบรรจุให้สอนเพียงชั้นประถมศึกษาเท่านั้น เนื่องจากไม่ต้องใช้วิชาการที่ต้องลงลึกมาก แต่ควรเน้นวิชาที่เป็นพื้นฐานที่จะเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษา ที่สำคัญจะต้องให้เวลากับกิจกรรมต่างๆให้มาก เช่น กิจกรรมลูกเสือ กิจกรรมกีฬา กิจกรรมการค้นคว้าหาความรู้ อนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ความเข้าใจวัฒนธรรมประเพณีไทย แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม กิจกรรมทางศาสนา ความจงรักษ์ภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ และกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ทั้งนี้เพื่อปลูกฝัง และเตรียมผู้ที่เป็นอนาคตของชาติ ที่เป็นที่หวังของพวกเราทุกคน
สำหรับการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป ควรมีการสอบคัดเลือกจากผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา ในคณะที่จะนำไปประกอบวิชาชีพจริงๆ เช่น วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ อักษรศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ โบราณคดี และอื่นๆ ซึ่งเราก็จะได้คนเก่งและผู้ที่ต้องการเป็นครูจริงๆ จากการสอบคัดเลือก ที่สำคัญบุคคลเหล่านี้ ได้เรียนรู้วิชาชีพเฉพาะเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพมาแล้ว จึงสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ และศาสตร์แห่งวิชานั้นๆให้กับศิษย์ได้ในเชิงลึกและชัดเจน และเมื่อคัดเลือกได้ครูที่มีวิชาชีพเฉพาะนี้แล้ว ก็คงต้องให้ศึกษาในวิชาชีพครู โดยเน้นวิชาว่าด้วยการถ่ายทอด การจัดทำสื่อการเรียนการสอน จิตวิทยาวัยรุ่น และการฝึกการสอน โดยใช้เวลาประมาณ 1 ปี และเมื่อใดที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพครู ก็ยังสามารถนำความรู้ที่ร่ำเรียนมาประกอบวิชาชีพได้อีก
ที่ผ่านมาประเทศเราไม่เคยกำหนดการก้าวเดินไปของอนาคตของชาติ ต่างคนต่างทำเพื่อความอยู่รอดของตนเอง หากเราไม่เริ่มเสียวันนี้ อนาคตของชาติจะเป็นเช่นไร จะมีก็เพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้นที่พอจะพึ่งพาได้ แต่ประชาชนคนส่วนใหญ่เล่าเราได้ให้ความรู้ ประสบการณ์ เพื่อให้เขาสามารถยืนอย่างสง่างามร่วมกับเพื่อนๆในประชาคมอาเซียน หรือประชาคมโลกได้มากน้อยเพียงใด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น