ยามใดที่มนุษย์รู้สึกอยากได้อยากมี หรือไม่อยากได้ไม่อยากมี สิ้นหวัง ทุกข์ทรมาน ก็จะคิดถึงและไหว้วอนขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอบารมีช่วยให้สมปราถนา ซึ่งการไหว้วอนขอพึ่งบารมีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็คือการหยิบยืมบุญบารมีมาใช้ก่อน เพราะตนเองไม่หมั่นสั่งสมบุญบารมี เหมือนกับเราไม่ขยันทำมาหากินเพื่อหารายได้ เงินทองไม่พอใช้จ่าย จำเป็นต้องหยิบยืมเงินทองของผู้อื่น เพื่อให้ชีวิตอยู่รอดไปวันๆ สุดท้ายเราก็ต้องมีหนี้ล้นพ้นตัว แล้ววันต่อๆไปเราจะทำกันอย่างไร
แต่หากเราอุตสาหะสร้างบุญบารมี ในแนวทางแห่งพุทธ ด้วยการให้ทาน รักษาศีล และปฏิบัติภาวนา เพื่อสั่งสมบุญบารมีให้กับตนเอง ก็เสมือนเราสามารถหารายได้เป็นของตนเอง ไม่ต้องไปหยิบยืมใคร แต่หากจำเป็นต้องหยิบยืมก็เป็นส่วนน้อย เพราะเงินทองของเราก็มีอยู่บ้่าง และหากมีความเพียรพยายามมากๆ ก็จะมีเงินเหลือเก็บ เพราะที่เราต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะเรายังต้องชดใช้หนี้กรรมที่เราก่อไว้ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ หากเราไม่มีความเพียรเพื่อสร้างบุญบารมีให้กับตนเองบ้าง ภพชาติต่อไปคงจะต้องรับความทุกข์ระทมอีกไม่รู้เท่าไร
ดั่งคำกล่าวของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (หลวงปู่โต พฺรหฺมรํสี) ท่านได้ให้สติกับทุกคนเพื่อให้เร่งสั่งสมบุญบารมีเป็นของตนเอง ดังนี้ "ลูกเอ๋ย ก่อนที่จะเข้าไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตนเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีเจ้าไม่พอจึงค่อยยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิ้นในบุญบารมีที่ไปเที่ยวขอยืมมาจนพ้นตัว ..... เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมาก็ต้องไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว ..... แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ภพหน้า ..... หมั่นสร้างบารมีไว้ .... แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง ..... จงจำไว้นะ .... เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าก็ไม่ได้ ... ครั้นเมื่อถึงเวลา .... ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ ..... จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า "
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราท่านกราบไหว้ ในอดีตชาติท่านเหล่านั้นก็เคยมีวิถีชืวิตเช่นเดียวเราๆท่านๆ แต่ด้วยความพากเพียรพยายามสั่งสมบารมี ชาติแล้วชาติเล่าภพแล้วภพเล่า จนท่านเหล่านั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เรากราบไหว้และไหว้วอนขอพึ่งบารมีจากท่าน แม้แต่เราๆท่านๆหากมีความเพียรพยายามและมีจิตแน่วแน่ที่จะสั่งสมบุญบารมีและสร้างแต่คุณงามความดี ในอนาคตชาติเราท่านก็จะมีผู้คนกราบไว้ในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน แต่สูงสุดของการเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็คือการได้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร ซึ่งเป็นสถานภาพสุดท้ายของชาวพุทธที่เปี่ยมด้วยปัญญาถวิลหา