พานิชพล มงคลเจริญ

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ความสูญเปล่าในการผลิตครูผู้สอน

ปัจจุบันผู้ที่มีผลการสอบคัดเลือกไม่อยู่ในระดับที่ถูกคัดเลือกให้เข้าศึกษาในคณะที่ต้องการ  จึงถูกคัดให้มาเรียนวิชาชีพครู เนื่องจากได้เลือกวิชาชีพนี้ในระดับรอง  แต่หากถามความรู้สึกจริงๆ น้อยคนนักที่อยากเป็นครู   เพียงแต่ต้องการให้ได้ชื่อว่าเป็น  นิสิตหรือนักศึกษาของสถาบันที่มีชื่อเสียงเท่านั้น  แต่เขาเหล่านั้นอาจคิดผิดที่เลือกเรียน  เนื่องจากมิใช่ตัวตนของผู้นั้นจริงๆ และที่สำคัญหากสอบบรรจุไม่ได้  หรือไม่ได้ประกอบอาชีพครู จะไปประกอบอาชีพอะไร  หลายคนต้องขายของ หลายคนขายประกัน  หลายคนอยู่บ้านเฉยๆ  และอีกมากมายที่ต้องไปทำงานที่ไม่ตรงกับวิชาชีพที่เรียน   ทำให้สูญเสียค่าใช้จ่ายของตนและงบประมาณของรัฐ  ที่สำคัญประเทศก็ไม่ได้คนที่เก่งจริงๆมาเป็นครู

หลักสูตรการสอนในคณะศึกษาศาสตร์หรือครุศาสตร์  เน้นเนื้อหาวิชาการถ่ายทอดความรู้  รวมทั้งวิชาเอก วิชาโท เช่น วิทยาศาสตร์  ภาษาไทย  และคณิตศาสตร์  เป็นต้น   ดังนั้นนิสิตนักศึกษาจึงต้องเรียนวิชาดังกล่าวผสมผสานกันไป  หากจะหวังความลีกซึ้งในวิชาเอกและวิชาโท คงหวังมากไม่ได้  เนื่องจากต้องใช้เวลาส่วนมากในวิชาการสอนทั้งหลาย   วันใดที่มาเป็นครูที่มิใช่ผู้ชอบศึกษาหรือค้นคว้าหาความรู้ด้วยแล้ว  ก็คงต้องสอนตามหลักสูตรกันไป  ประกอบกับการใช้วิชาเอกและวิชาโทที่เรียนมาเพียงบางส่วนสอนนักเรียน  ผลก็คือไม่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์หรือลงลึกในเนื้อหาหรือแก่นของวิชา เพื่อให้นักเรียนมีโลกทัศน์ที่กว้างไกล  หรือมีความคิดสร้างสรรค์ได้

ดังนั้นผู้ที่สำเร็จวิชาชีพครูที่มาจากสถาบันการศึกษาต่างๆ  ควรมีการบรรจุให้สอนเพียงชั้นประถมศึกษาเท่านั้น  เนื่องจากไม่ต้องใช้วิชาการที่ต้องลงลึกมาก  แต่ควรเน้นวิชาที่เป็นพื้นฐานที่จะเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษา ที่สำคัญจะต้องให้เวลากับกิจกรรมต่างๆให้มาก เช่น กิจกรรมลูกเสือ กิจกรรมกีฬา กิจกรรมการค้นคว้าหาความรู้  อนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม  ความเข้าใจวัฒนธรรมประเพณีไทย  แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ  การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม  กิจกรรมทางศาสนา ความจงรักษ์ภักดีต่อสถาบันกษัตริย์  และกิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์  ทั้งนี้เพื่อปลูกฝัง และเตรียมผู้ที่เป็นอนาคตของชาติ ที่เป็นที่หวังของพวกเราทุกคน

สำหรับการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป  ควรมีการสอบคัดเลือกจากผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา  ในคณะที่จะนำไปประกอบวิชาชีพจริงๆ  เช่น วิทยาศาสตร์  วิศวกรรมศาสตร์  อักษรศาสตร์  ศิลปกรรมศาสตร์  โบราณคดี  และอื่นๆ   ซึ่งเราก็จะได้คนเก่งและผู้ที่ต้องการเป็นครูจริงๆ จากการสอบคัดเลือก  ที่สำคัญบุคคลเหล่านี้ ได้เรียนรู้วิชาชีพเฉพาะเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพมาแล้ว  จึงสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ และศาสตร์แห่งวิชานั้นๆให้กับศิษย์ได้ในเชิงลึกและชัดเจน และเมื่อคัดเลือกได้ครูที่มีวิชาชีพเฉพาะนี้แล้ว   ก็คงต้องให้ศึกษาในวิชาชีพครู  โดยเน้นวิชาว่าด้วยการถ่ายทอด การจัดทำสื่อการเรียนการสอน จิตวิทยาวัยรุ่น และการฝึกการสอน  โดยใช้เวลาประมาณ 1 ปี  และเมื่อใดที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพครู  ก็ยังสามารถนำความรู้ที่ร่ำเรียนมาประกอบวิชาชีพได้อีก

ที่ผ่านมาประเทศเราไม่เคยกำหนดการก้าวเดินไปของอนาคตของชาติ   ต่างคนต่างทำเพื่อความอยู่รอดของตนเอง  หากเราไม่เริ่มเสียวันนี้ อนาคตของชาติจะเป็นเช่นไร  จะมีก็เพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้นที่พอจะพึ่งพาได้  แต่ประชาชนคนส่วนใหญ่เล่าเราได้ให้ความรู้ ประสบการณ์ เพื่อให้เขาสามารถยืนอย่างสง่างามร่วมกับเพื่อนๆในประชาคมอาเซียน หรือประชาคมโลกได้มากน้อยเพียงใด